ในช่วงที่ผ่านมานี้ จะเห็นว่าเหล่าวัยเรียนหรือนักศึกษาหรือแม้กระทั่งคนทั่วไปหันมาจับปากกาขีดเขียนกันมากขึ้น (นอกจากที่จะใช้ปากกาบนแท็บเลตกันซะจนเคยชิน) ด้วยแรงบันดาลใจหรืออะไรก็ตาม ก็ยังมีคนที่ยังชอบสีสันของหมึกและสัมผัสของแผ่นกระดาษ และคิดว่าการจดอะไรก็ตามในสมุดบันทึกนั้นช่วยให้จำได้มากกว่าในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังมีการสรรหาวิธีการจดบันทึกแบบใหม่ ๆ นอกจากการเขียนไปเรื่อยที่ไม่มีข้อสิ้นสุด อ่านก็ยาก จะหาที่จดไว้ก็ไม่เจอ ให้เป็นการจดบันทึกที่มีระเบียบแบบแผนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Planner จึงเกิดมาเพื่อการนี้ ยังไม่พอ เหล่านักจดนักจำก็ยังสรรหาวิธีการจดบันทึกให้สร้างสรรค์ยิ่งกว่าเดิมและมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำซากจำเจอย่างเช่น Bullet Journal โดยหวังว่าสมุดบันทึกจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่วุ่นวายให้ดีกว่าเดิม
สำหรับ Bullet Journal หรือ BUJO นั้น เป็นรูปแบบการจดบันทึกซึ่งถูกคิดค้นและเผยแพร่สู่สาธารณชนในช่วงปี 2013 โดยนักเขียน/นักออกแบบชาวนิวยอร์กเกอร์ที่ชื่อ Ryder Carroll หลายคนอาจจะมองว่าสมุดบันทึกแบบ BuJo นั้นเหมือนจะมีฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้น้อยกว่าสมุดบันทึกแบบ Planner แต่หากทำความเข้าใจกับระบบ “Technical Rapid Logging” ที่ Ryder Carroll พัฒนาขึ้นมาอย่างถ่องแท้ ว่าด้วย Topic, Page Number, Short Sentences และ Bullets เราก็จะพบว่า BuJo นั้นสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามประวัติการบันทึกในอดีต จัดระบบในปัจจุบัน และวางแผนอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์ แถมเป็นระบบที่รองรับไอเดียและไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย ตั้งแต่การจดโน้ตในชีวิตประจำวัน การทำบันทึกค่าใช้จ่าย บันทึกไอเดีย/แหล่งอ้างอิง สเก็ตช์แบบ หรือบันทึกการเดินทาง เป็นต้น เรียกว่าครบเครื่องทั้ง Planner, Tracker, Journal และ Sketch
ทางเลือกของนักจดบันทึกนั้นมีมากมาย แต่ว่าถ้าเรามีสมุดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองนั้นก็จะช่วยให้เราสนุกกับการจดบันทึกมากขึ้น แล้วสมุดแบบไหนจะดีกว่ากันล่ะ วันนี้เราขอนำเสนอตัวเลือกที่น่าสนใจให้กับนักจดตัวยง เพื่อการเลือกสมุดที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ด้วยการประชันสมุดบันทึกที่จะโดนใจคุณ เริ่มจาก Planner สุดคลาสสิคของเราที่อยู่ยืนยงมาหลายยุคหลายสมัย กับน้องใหม่ Bullet Journal พร้อมท้าชิง มาดูว่าแบบไหนจะโดนกว่ากัน!
Round 1 : เนื้อใน
ทางฝั่ง Bullet Journal มาด้วยเนื้อในแบบจุดหรือ dot ที่มีอิสระในการขีดเขียน สามารถออกแบบและกำหนดขนาดของช่องตารางในการจดบันทึกได้ตามความชอบของตัวเอง พร้อมทั้งเชือกคั่นที่ช่วยให้กำหนดหัวข้อและจดจำหน้าที่บันทึกได้ และยังมีส่วน index ที่ใช้ในการจดบันทึกระบบการเขียนว่าหัวข้อไหนอยู่หน้าไหน เพื่อความสะดวกในการค้นหา
ส่วน Planner เป็นเนื้อในแบบเส้นบรรทัดหรือ line ที่ช่วยให้การจดบันทึกเป็นระเบียบและอ่านง่าย สำหรับจดเป็นหัวข้อที่สำคัญหรือนัดหมาย และแจกแจงรายละเอียดได้ และมีส่วน check lists แผนรายปี แผนรายเดือน และแผนรายสัปดาห์ สำหรับการจดนัดหมายหรือธุระสำคัญให้เราสามารถจัดสรรเวลาได้
Round 2 : การใช้งาน
Planner ได้ถือกำเนิดขึ้นก่อนในยุคที่โทรศัพท์มีไว้ใช้เพียงการโทรเข้า-ออก ฉะนั้นสมุดบันทึกจึงเป็นสิ่งจำเป็นและเหมือนเพื่อนคู่ใจของนักจดบันทึก โดย Planner นั้นจะมีลักษณะการใช้งานเป็นทางการมากกว่า เป็นการบันทึกที่มีรูปแบบค่อนข้างตายตัว และกำหนดจำนวนหน้าบันทึกมาให้ เช่น ตามเดือน ตามสัปดาห์ ที่ตัวผู้ใช้งานไม่ได้กำหนดเอง ด้วยรูปแบบที่มีทั้งตารางแบบรายปี รายเดือน ไปจนถึงรายวัน ทำให้เรามักจะใช้งานในลักษณะของการจดบันทึกนัดหมาย การวางแผนงาน หรือบันทึกช่วงเวลาสำคัญในการทำกิจธุระต่าง ๆ
ส่วน Bullet Journal นั้น Ryder Carroll เชื่อว่าการเขียน Bullet Journal เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับความวุ่นวายในโลกดิจิทัล โดยเขาได้คิดวิธีการจดบันทึกและจัดเก็บข้อมูลอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย จะเป็นการบันทึกแบบที่เราสามารถออกแบบได้เองว่าแต่ละหน้าเราอยากจะบันทึกอะไรตามไลฟ์สไตล์และความชอบของเรา เช่น บันทึกการติดตาม (Tracker) แผนที่วางไว้ หนังสือที่อ่านแล้ว รายการประจำวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไป และยังตกแต่งได้ตามใจชอบ นอกจากนี้เอาไว้บันทึกไดอารี่ หรือข้อความประทับใจ สร้างแรงบันดาลใจได้อีกด้วย Bullet Journal จะให้อิสระในการบันทึกได้มากกว่าแต่ก็ต้องใช้เวลาในการออกแบบการบันทึกของตัวเอง
Final Round : รอบท้าชิง
Planner | Bullet Journal |
---|---|
จดบันทึกอย่างเป็นระเบียบ มีแบบแผนมากขึ้น | การจดแบบสั้นๆ กะทัดรัด จำได้ง่าย |
จดจำวันเวลานัดหมายสำคัญ | สร้างสรรค์การบันทึกได้อย่างใจ |
ทำให้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน | กำหนดหัวข้อในการบันทึกได้ |
วางแผนงานและจัดสรรเวลาได้ง่ายขึ้น | ปรับแนวทางการบันทึกตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง |
สร้างวินัยในการจดบันทึก | สร้างแรงบันดาลใจ สร้างเป้าหมายในการทำสิ่งต่างๆ |
สรุปได้ว่าทั้ง Planner และ Bullet Journal นั้นมีรูปแบบและการใช้งานที่แตกต่าง หากเรากำหนดเป้าหมายของการใช้งานและจดบันทึกของเราได้ว่าเป็นแบบไหน จะทำให้เราเลือกสมุดที่เหมาะกับเราได้ง่ายขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการในการใช้งานของนักจดนักเขียนที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การจดบันทึกยังช่วยให้เราจดจำข้อมูลได้ดีกว่าการพิมพ์ด้วย และไม่ว่าคุณจะเป็นแนวไหน บางคนอาจจะชอบพกเล่มใหญ่ จดทุกรายละเอียด บางคนอาจชอบพกเล่มเล็ก จดส่วนสำคัญ หรือวาดร่างแบบง่ายๆ ใส่กระเป๋าหยิบมาเขียนได้สะดวก ไม่ว่าจะแบบไหน ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่เรากลับมาขีด ๆ เขียน ๆ จดจัดระเบียบความคิดของเราในกระดาษกันอีกครั้ง
หากสนใจการเขียน Bullet Journal แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี เราขอแนะนำให้เริ่มต้นที่เพจ Bullet Journal Thailand Community ของชาว BuJo แหล่งรวมข้อมูลและเทมแพลตที่น่าสนใจ ให้คุณได้ปลดปล่อยความคิดและไอเดียสำหรับบันทึกของคุณคนเดียว