“ไม่ใช่แค่การเขียนบันทึกประจำวัน แต่ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านตัวอักษร เพราะคุณค่าที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้น มีมากกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน”
อนุทินหรือที่นิยมเรียกกันว่า ไดอารี่ (Diary) ปัจจุบันนี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามและละเลยไป เพราะผู้คนส่วนใหญ่หมดเปลืองเวลากับการท่องโลกอินเทอร์เน็ต และยึดติดกับสังคมโซเชียลมีเดีย จนหลงลืมคุณค่าแท้จริงจากไดอารี่
เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต
อาจดูเหมือนว่า การบันทึกชีวิตแต่ละวันเป็นสิ่งน่าเบื่อ โดยบอกเล่าเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เคยชินจนเป็นความจำเจ ความจริงแล้ว...ไม่ใช่เลย เพราะเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้น ก็มีความแตกต่างหลากหลาย และไม่มีทางเหมือนกันเลยแม้สักวันเดียว ทั้งจากสิ่งต่างๆ ที่ประสบพบเจอ จากผู้คนที่ทักทาย และจากมุมมองที่มีขณะนั้น ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกหรือพบปะกับใคร แต่อารมณ์และความรู้สึก ณ เวลานั้น ย่อมแตกต่างกันไป ซึ่งบันทึกประจำวันมีส่วนช่วยให้เราพิจารณาตนเองและเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ระบายความรู้สึก
ในวันที่รู้สึกท้อหรือเหงา เศร้าหรือทุกข์ สุขหรือเบิกบาน เราอาจจะไม่มีใครอยู่ข้างกายเพื่อคอยบอกเล่า รับรู้และปลอบโยน แต่ไม่เป็นไร เพียงมีไดอารี่สักเล่ม ระบายความในใจทั้งหลายลงไป แล้วความรู้สึกเชิงลบทั้งหลายจะบรรเทาเบาบางลง ขณะที่ความรู้สึกเชิงบวกกลับเปี่ยมล้นทวีคูณและช่วยเสริมพลังชีวิต ยิ่งเมื่อเราได้ระบายบางอย่างออกไป ก็ยิ่งได้ปล่อยวางและเป็นอิสระ เพื่อพร้อมที่จะเติมความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เข้ามาแทน
พัฒนาทักษะการเขียน
เมื่อเริ่มลงมือเขียนไดอารี่ครั้งแรก อาจจะเขียนอะไรอย่างตรงๆ ทื่อๆ และยังไม่รู้วิธีการเรียบเรียงเนื้อหาหรือความหลากหลายของภาษา แต่เชื่อหรือไม่ เพียงผ่านจากวันเป็นเดือนเคลื่อนเป็นปี ทักษะการเขียนจะพัฒนาขึ้นตามลำดับ แค่ขอให้ทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ไม่แน่ว่า...งานเขียนไดอารี่ของเรา อาจกลายเป็นวรรณกรรมที่ทรงคุณค่า หรือเป็นหลักฐานทางหน้าประวัติศาสตร์อย่าง “บันทึกลับของแอนน์ แฟร้งค์” ก็เป็นได้
เสริมสร้างแรงบันดาลใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่รอบตัวเรา ล้วนสร้างแรงบันดาลใจได้ตลอด คงน่าเสียดายหากผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ด้วยการจดบันทึกและมองหาสิ่งดีๆ จากสิ่งที่มากระทบ ไม่ว่าจะเป็นจากการได้เห็นภาพตื้นตันและอิ่มเอม การได้ยินได้ฟ้งถ้อยคำประทับใจ หรือการได้พบได้พูดคุยกันอย่างออกรสชาติ นับเป็นการผลักดันให้เราขบคิดและกระตุ้นแรงบันดาลใจ ซึ่งนำมาเก็บบันทึกไว้เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตของเรา
แทนความทรงจำ
เมื่อลองย้อนกลับมาอ่านเรื่องราวที่จดบันทึกในไดอารี่ เหมือนกับเป็นการทบทวนความทรงจำ และหันมาทบทวนตนเองว่า เรามีวิธีจัดการและรับมือกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาอย่างไร บางทีบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว อาจช่วยให้เราไม่ผิดพลาดซ้ำและทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น หรือบางครั้งบันทึกประสบการณ์ อาจกลายเป็นบทเรียนที่สอนเราในปัจจุบันและอนาคต หรือบางคราวการหวนระลึกถึงบันทึกความทรงจำ อาจรื้อฟื้นความสัมพันธ์ดีๆ ในวันเก่าและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป