รู้หรือไม่ ทำไมถึงต้องเป็นกระดาษ A4

รู้หรือไม่ ทำไมถึงต้องเป็นกระดาษ A4

Product Knowhow | 23 Nov 2019

13,378 Views

กระดาษขาว A4 ถือเป็นขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้สำหรับงานเอกสารและใช้กับเครื่องพิมพ์ ที่ทุกคนต้องเคยได้ใช้อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือผู้บริหาร จึงทำให้กระดาษชนิดนี้เป็นที่รู้จักมากกว่าขนาดมาตรฐานอื่นๆ แต่คุณผู้อ่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมต้องเป็นกระดาษ A4

ทำไมจึงเรียกว่า A4

ที่จริงแล้ว อักษร “A” ไม่ได้เป็นตัวย่อ แต่มาจากกระดาษขนาดซีรีส์ A ตามมาตรฐานสากล ISO 216 ซึ่งว่าด้วยขนาดของกระดาษ บัญญัติขึ้นในปี ค.ศ. 1975 โดยจำแนกประเภทของกระดาษออกเป็น 2 ชนิด คือ กระดาษซีรีส์ A (ซึ่งยึดตามระบบกระดาษซีรีส์ A ของระบบเยอรมัน และเพิ่มกระดาษขนาดซีรีส์ B เข้ามาในมาตรฐานใหม่นี้

ในปีเดียวกันนั้น กระดาษ A4 ถูกกำหนดให้เป็นขนาดกระดาษมาตรฐานขององค์การสหประชาติ (United Nations) และ 2 ปีต่อมา กระดาษ A4 กลายเป็นขนาดมาตรฐานของจดหมายใน 88 จาก 148 ประเทศทั่วโลก 

มาตรฐาน ISO 216

กระดาษ A

มาตรฐาน ISO 216 กำหนดให้กระดาษ A มีขนาดเริ่มต้นที่ A0 มีพื้นที่ 1 ตารางเมตร (84.1 × 118.9 ซม.) เมื่อตัดหรือพับครึ่งด้านที่ยาวที่สุด ก็จะได้กระดาษขนาด A1 จำนวน 2 แผ่น (59.4 × 84.1 ซม.) และสามารถแบ่งเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนได้กระดาษขนาด A10 ที่มีขนาดเล็กที่สุด (2.6 × 3.7 ซม.) โดยกระดาษทุกขนาดจะมีอัตราส่วนสัมพันธ์กันเสมอ คือ 1:√2 (~1:1.414) 

ดังนั้น กระดาษ A0 จำนวน 1 แผ่นใหญ่ จะสามารถตัดแบ่งเป็นกระดาษ A4 (21.0 × 29.7 ซม.) ได้มากถึง 16 แผ่น 

สาเหตุที่มีการกำหนดให้มีมาตรฐานกระดาษ เนื่องจากขนาดกระดาษในสมัยก่อนมีขนาดที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต   และสร้างความสับสนให้กับบรรดาช่างพิมพ์และผู้ใช้งานอย่างมาก จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1922 ระบบเยอรมัน (DIN) ได้เผยแพร่มาตรฐานกระดาษ DIN 476 เป็นครั้งแรก และกระดาษซีรีส์ A จึงเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก และประเทศในทวีปอเมริกาใต้)

ผู้ที่เสนอให้ใช้อัตราส่วน 1:√2 สำหรับกำหนดขนาดกระดาษ คือ ศาสตราจารย์เกออร์ก คริสตอฟ ลิคเทนเบอร์ก นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน โดยอัตราส่วนดังกล่าวนี้ถูกยกมาพูดถึงครั้งแรกในจดหมายโต้ตอบกับโจฮานน์ เบ็คแมนน์ ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1786 

กระดาษ B

กระดาษซีรีส์ B ใช้หลักการแบ่งกระดาษและใช้อัตราส่วนสัมพันธ์เหมือนกับซีรีส์ A (1:√2) ต่างกันที่กระดาษ B0 มีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีกเป็น 1.414 ตารางเมตร (100 × 141.4 ซม.)

กระดาษชนิด B ไม่นิยมใช้เป็นเอกสาร แต่ใช้เป็นขนาดหน้าตัดของสมุดบันทึก หนังสือ นิตยสาร หรือหนังสือสือพิมพ์


ทำไมต้อง 1:√2

ถึงจะไม่สวยสมบูรณ์แบบเหมือนสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) ที่ใช้ในการออกแบบ แต่ว่าสัดส่วน 1:√2 ที่ศาสตราจารย์ลิคเทนเบอร์กเสนอมานี้ ได้รับการพิสูจน์และคำนวณแล้วว่าช่วยให้พับครึ่งกระดาษได้อย่างสนิทอย่างรูปสมมาตร และเมื่อแบ่งครึ่ง จะได้กระดาษขนาดที่สัดส่วนเท่าเดิมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกระดาษมีขนาดเล็กลงหรือใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้สัดส่วนที่สัมพันธ์กันเช่นนี้ ยังเป็นประโยชน์สำหรับการพิมพ์อีกด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อขยายหรือย่อขนาดงานพิมพ์ จากขนาด A4 เป็น A5 (หรือ A4 ขยายเป็น A3) ก็จะได้งานพิมพ์ที่อยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนกับต้นฉบับ ไม่มีข้อความหรือรูปภาพขาดหายไป และไม่จำเป็นต้องกระดาษส่วนเกินออก

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกระดาษชนิด A และ B

กระดาษ  A

กระดาษ  B

ขนาดเริ่มต้นของกระดาษ  A (A0)  มีพื้นที่  ตร..
(กว้าง  84.1  ซม×  ยาว  118.9  ซม.)

ขนาดเริ่มต้นของกระดาษ  A (A0)  มีพื้นที่  1.414  ตร..
(กว้าง100  ซม×  ยาว114  ซม.)

ทุกขนาดของกระดาษ  A (A0-A10)  มีอัตราสัดส่วนสัมพันธ์เท่ากันคือ  1:√2  หรือ  1.414

ทุกขนาดของกระดาษ  B (B0-B10)  มีอัตราสัดส่วนสัมพันธ์เท่ากันคือ  1:√2  หรือ  1.414

กระดาษหมวด  นิยมใช้สำหรับงานเอกสารหรืองานพิมพ์

กระดาษหมวด  B  นิยมใช้เป็นขนาดหน้าตัดมาตรฐานของสมุดบันทึกนิตยสารและหนังสือ

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอัตราส่วน 1:1.414 ได้กลายมาเป็นสัดส่วนมาตรฐานของสิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ ตั้งแต่โปสเตอร์ แบบแปลน ไปจนถึงนามบัตร หรือแม้แต่แสตมป์จดหมาย แต่เรื่องของกระดาษ A4 คงต้องยกความดีความชอบให้แก่ ศาสตราจารย์เกออร์ก คริสตอฟ ลิคเทนเบอร์ก ผู้เสนอสัดส่วนมาตรฐานของขนาดกระดาษ เพื่อลดความสับสน และในเวลาต่อมาได้ทฤษฎีของท่านก็ได้ปูทางไปสู่ระบบเยอรมัน (DIN) และได้รับการปรับปรุงจนกลายเป็นมาตรฐานสากล ISO 216 ในเวลาต่อมา 

ลองคิดดูว่าถ้าหากไม่มีคำว่า “กระดาษ A4” การไปซื้อกระดาษคงกลายเป็นเรื่องยาก และการสั่งพิมพ์ผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็จะยิ่งน่าปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว



ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานของกระดาษ A และ B

ตัวอย่างการนำไปใช้งาน
A0,   A1กระดาษโปสเตอร์,   ใช้เขียนแบบแปลนงานช่างวิศวกรรมหรือสถาปัตยกรรม
A1,   A2ใช้เป็นกระดาษฟลิปชาร์ท  สำหรับเขียนข้อนำเสนองานและแผนภูมิ
A2,   A3ใช้เป็นกระดาษวาดเขียน,   กระดาษสำหรับแผนภูมิ  และข้อมูลตาราง
A3,   B4ขนาดหนัาหนังสือพิมพ์
A4ใช้เป็นกระดาษโปสเตอร์,   แบบฟอร์ม,   แคตตาล็อกสินค้า,   นิตยสาร,   ใช้สำหรับเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสาร
A5สมุดฉีก,   ใบปลิว,   ใบเสร็จรับเงิน
A6โปสการ์ด
A5,   A6, B5,   B6
ขนาดหนังสือทั่วไป
A7นามบัตร
A8, B8ขนาดไพ่
A10แสตมป์

Our Products

Related Posts

Messenger Line