บันทึกอิสระของวันวิสาข์ และการแก้ปัญหาชาวยิวครั้งสุดท้าย…

บันทึกอิสระของวันวิสาข์ และการแก้ปัญหาชาวยิวครั้งสุดท้าย…

Interesting Reads | 23 Nov 2019

1,545 Views

หลังจากสิ้นฤดูหนาวเมื่อปีกลาย วันวิสาข์สัญญากับตัวเองว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตงี่เง่าของเธอ เธอเริ่มต้นโรดแม็ปด้วยการใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนสำรวจหาสมุดแพลนเนอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ วันวิสาข์ตัดสินใจสั่งซื้อสมุดบันทึกเล่มแรกในชีวิตมาจากร้านค้าออนไลน์ มันเป็นแพลนเนอร์บุ๊คขนาด 12.8 x  18.2 ซม.รูปทรงพอจะให้ดูเผินๆ เหมือนกระเป๋าสตางค์ใบใหญ่หรูหรากำลังดีด้วยปกหุ้มหนังเทียมสีน้ำตาลที่มีสายคาด จริงๆ แล้วเธอชอบหนังสัตว์แท้เสียมากกว่า ติดก็แต่ครึ่งหนึ่งของสมบัติบ้าที่ล้นตู้เสื้อผ้าเป็นกระเป๋าหนังแบรนด์ดังที่เธอกว้านมาสะสมตลอดหลายสิบปี ถูกกฎหมายบ้าง หนีภาษีบ้างก็มี แต่ทุกใบล้วนตัดเย็บจากผิวหนังของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้น ไม่ว่าจะหนังโค กระบือ แพะ แกะ จระเข้ ตะโขง ตะกวด ฯลฯ เรียกได้ว่าหากเจ้าของผิวหนังเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ก็คงพอให้เธอทำฟาร์มปศุสัตว์ขนาดย่อมๆ ได้ เธอจึงอยากละเว้นปาณาติบาติโดยเจตนานั้นเป็นการเริ่มต้นด้วยสมุดบันทึกที่มีผิวสัมผัสของหนังสังเคราะห์ เธอพอใจมากกับเนื้อในที่เป็นกระดาษกรีนรี้ดถนอมสายตา มันจะช่วยผ่อนคลายดวงตาคู่โตที่ต้องรับภาระหนักมาตั้งแต่เธอแตกเนื้อสาว ไม่ใช่จากการอ่านเขียน แต่เป็นภาระจากคอนแท็คเลนส์นานาสี ทั้งบิ๊กอายส์ แคทส์อาย ไทเกอร์อายส์ และลีเมอร์อายส์ ความหนาของกระดาษเพียง 75 แกรมกับจำนวนหน้าเพียง 80 แผ่น จะทำให้วันวิสาข์มั่นใจว่ามันจะไม่หนักและพาลบาดมือนุ่มๆ ของเธอซึ่งต้องชโลมโลชั่นราคาแพงทุกๆ 10 นาที สมุดเล่มนี้เข้าเล่มแบบเย็บกี่ทากาว น่าจะทนมือพอแก่อารมณ์แปรปรวนของเธอ แต่สิ่งที่ทำให้แอ็คเค้าน์ทเอ็กเซ็คคูทีฟชั้นยอดอย่างวันวิสาข์พึงพอใจมากที่สุดคือสนนราคา 355 บาท กับของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างน้อยก็ 1 ปีเต็ม


เมื่อพนักงานส่งพัสดุไปรษณีย์มาส่งของ เธอรีบแกะกล่องออกมาตรวจสอบอย่างรอบคอบโดยที่อีกมือหนึ่งจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ของพนักงานส่งของไว้อย่างแน่น เป็นวิธีเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านจับกุมเด็กแว้นซ์ เพื่อให้มั่นใจว่าของที่อยู่ในกล่องจะไม่ใช่กางเกงในใช้แล้วเหมือนที่เธอเคยอ่านเจอในเฟซบุ้ค วันวิสาข์ปลื้มปริ่มอย่างยิ่งที่คุณสมบัติของสมุดบันทึกตรงตามที่เธอสั่งซื้อทางหน้าเว็บเพจทุกประการ เนื้อในมีปฏิทินทั้งปีปัจจุบัน ปีก่อนหน้า และปีถัดไป มีลิสต์วันหยุดราชการจาก 20 ประเทศที่มีชื่อเสียงของแต่ละทวีป ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่เธอหมายมั่นว่าจะต้องลางานไปท่องเที่ยวในเทศกาลสำคัญๆ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่เช็คลิสต์ทั้งแบบวีคลี่แพลน และมันท์ลี่แพลน และยังมีหน้าว่างให้เธอสร้างบันทึกอิสระได้ตามต้องการ ถึงตอนนี้คุณสมบัติของสมุดบันทึกไม่ใช่ปัญหา มันสมบูรณ์แบบตามความต้องการของเธอ ปัญหาคือ… เธอจะเริ่มวางแผนการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตงี่เง่าๆ จากเรื่องอะไรก่อนดี…

การไตร่ตรอง… เป็นสารัตถะที่วันวิสาข์ต้องลงทุนซื้อแพลนเนอร์บุ๊คมาใช้ ถึงไลฟ์สไตล์ของวันวิสาข์จะงี่เง่าแต่เธอก็จัดได้ว่าเป็นสาวสวยระดับภูมิภาค มารดาของเธอพร่ำบอกว่าหากเธอเกิดเร็วกว่านี้สัก 20 ปีพิมพิไล ไชโย ก็คงไม่มีหวังได้รองนางสาวไทย เพื่อนๆ ของเธอก็พูดอยู่บ่อยไปว่าถ้าเธอตัดสินใจประกวดเดอะ เฟซ ไทยแลนด์ เสียตั้งแต่แรก กวาง เดอะเฟซ จะต้องไม่มีที่ยืนในวงการ ก็เพราะแบบนี้ไง วันวิสาข์จึงเป็นสาวงามระดับภูมิภาคที่ขาดการไตร่ตรอง เธอยึดคติ “สวยให้สุด ไม่หยุดไตร่ตรอง” ซึ่งนำมาสู่ความงี่เง่าต่างๆ อันส่งผลงี่เง่าต่อเธอในวันต่อๆ มา และต่อๆ ไป

เมื่อฤดูหนาวปีกลาย เธอดันไปหลงเชื่อมีมขยะบนฟีดขยะจากเฟซบุ๊คขยะที่บอกว่ากรุงเทพฯ จะหนาวจนหิมะตก วันวิสาข์ไม่ใช่คนโง่ แต่โชคร้ายที่งี่เง่าพอจะไม่ไตร่ตรองว่าหิมะจะตกในกรุงเทพฯ ได้ที่เดียวคือดรีมเวิร์ลด์ และเมื่อเธอเชื่อโพสต์ขยะเรียกยอดไลค์มากกว่าอธิบดีกรมอุตุฯ ผลก็คือเครื่องนุ่งห่มกันหนาวจำนวนมากถูกระดมซื้อเข้าสู่ตู้เสื้อผ้าของเธอราวกับเข้าร่วมโครงการรวมใจต้านภัยหนาว เธอช้อปอย่างบ้าคลั่งทั้งสเว็ตเตอร์แบบนักฮอกกี้น้ำแข็งทีมชาติฟินด์แลนด์ โค้ทขนสัตว์ที่ถลกมาจากหนังมิ้งค์ในอลาสก้า คาร์ดิแกนถักไหมพรมทิเบต เสื้อบุนวมยัดขนนกเป็ดน้ำที่โดนยิงร่วงในไซบีเรีย รวมไปถึงผ้าพันคอ ถุงมือ และบู้ทยาวชนเข่าสไตล์เจ้าหญิงแห่งโมนาโค วันวิสาข์ประกาศต่อเพื่อนร่วมงานว่าฤดูหนาวที่จะมาถึงนั้นจะไม่มีสตรีคนใดในภาคกลางตอนล่างที่อบอุ่นและแฟชั่นนิสต้าเกินหน้าเธอไปได้ ผลของผลที่ว่าก็คือ 2-3 วันแรกในช่วงปลายฝนที่อุณหภูมิได้ลดต่ำลงในช่วงเช้ามืดพอให้ดีใจได้ถึงราว 9 โมงเช้า และก็เหมือนประชาชนงี่เง่าที่หลงเชื่อคำสัญญาของนักการเมือง ตลอดทั้งวันกรุงเทพฯ ก็กลับมาเป็นไมโครเวฟที่พร้อมต้มคนเหล่านั้นให้สุก ในที่สุดก็ไม่มีวันใดตลอดเดือนธันวาถึงมกราคมที่จะใช้ได้แม้แต่คำว่า ‘เย็น’ อย่าว่าแต่เสื้อคลุมบางๆ แม้แต่คนที่นุ่งชุดลูกเสือชาวบ้านก็ยังบ่นว่าร้อนฉิบหาย พีเพิ่ลในสำนักงานต่างก็ขบขันเมื่อเห็นวันวิสาข์คลุมร่างด้วยโค้ทขนสัตว์ขี่รถเครื่องมาจอดหน้าตึก เดินขาสั่นขึ้นบันไดมาพร้อมเหงื่อกาฬไหลพลั่กเหมือนเพิ่งหาทางออกมาจากไร่มันสำปะหลัง พนักงานหนุ่มชาวยิวคนหนึ่งซึ่งเป็นอริตลอดกาลของเธอได้เหยียดหยามเธอทั้งทางแววตาและบทสนทนา “ชาลอม,ดูเธอสิวันวิสาข์ ฉันขอสาบานต่อหน้าพระยะโฮวาห์ ไม่มีสาวงามคนใดในภาคกลางตอนล่างที่จะแต่งกายได้วิปลาสเท่าเธออีกแล้ว, ฮัลเลลูยาห์”


เรื่องงี่เง่านั่นเป็นเพียงหนึ่งในเรื่องงี่เง่าอีกนับไม่ถ้วน เช่น ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้วันวิสาข์สั่งซื้อเสื้อผ้าตามคอสตูมคอลเล็คชั่นของเคป๊อบเกิร์ลกรุ๊ปใหม่แกะกล่องที่ใช้ชื่อแปลเป็นไทยว่า “7 สาวแซ่บปรมาณู!” วันวิสาข์รีบถ่ายรูปคอสเพลย์ดังกล่าวถ่ายรูปโพสต์ไอจีอย่างเร่งรีบและเริงร่า โดยมิได้ไตร่ตรองว่าชื่อคณะก็แปลกๆ แล้ว ชุดที่ใส่ยังคล้ายเครื่องแบบทหารคอมมิวนิสต์ แถมซิงเกิ้ลเปิดตัวยังมีเนื้อร้องแปลเป็นไทย(แน่นอน เธอไม่เคยใส่ใจจะอยากรู้ความหมาย) ว่า “กองทัพของเราเกรียงไกร รบไม่เคยแพ้ใครนับร้อยสมรภูมิ,ท่านผู้สืบเชื้อสายโชซอนห้าวหาญดั่งขีปนาวุธทรงพลัง เรามั่งคั่งภาคภูมิ,เดินหน้ากันเถิดเรา ชนชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งเทือกเขาแพคตู, ปักธงแห่งซอนกุนให้สูงสุดยอดภู,ยิงแม่มเลย เพื่อท่านผู้นำ เราสู้…” ภายหลังเกิร์ลกรุ๊ปคณะนี้ถูกจับได้ว่าเป็นสายลับเกาหลีเหนือและถูกเนรเทศ วันวิสาข์รีบลบภาพในไอจีและเผาชุดทิ้งแทบไม่ทัน ซึ่งก็ไม่ทัน และไม่มีทางรอดพ้นการแดกดันจากชายชาวยิวคู่อริของเธอไปได้ เขาใช้ความสามารถทางดิจิทัลแฮ็คไอจีของเธอ พร้อมคอมเม้นท์ตัวโตๆ ที่กดดีลีทไม่ได้  “แรบไบ, ฉันกลัวเธอแล้ววันวิสาข์ …ว่าแต่เธอควรใส่ชุดนี้ไปเดินสวนสนามที่กรุงเปียงยาง ใบหน้าเธอก็กลมกลืนกับสาวๆ ที่นั่นอยู่แล้ว…5555”

วันวิสาข์เขวี้ยงไอโฟนแล้วกรีดร้อง… เธอสาบานกับตัวเองว่าว่าต่อไปนี้จะยอมเจียดเงินค่าเครื่องสำอางเดือนละ 200 บาท บริจาคให้ขบวนการฮิสบอลเลาะห์ในฉนวนกาซ่า…


วันวิสาข์เป็นสาวงามระดับภูมิภาคที่ต้องพบกับเรื่องงี่เง่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆๆ เพราะบกพร่องด้านการไตร่ตรองและการวางแผนอย่างรัดกุม แม้การที่เธอเป็นสาวสวยระดับภูมิภาค เธอไม่จำเป็นมีแผนการอะไรก็ได้ตราบใดที่เธอยังมีความงามระดับภูมิภาค เว้นเสียอย่างเดียวคือโลกนี้และโดยเฉพาะสำนักงานนี้ยังมีชายชาวยิวคนนี้คอยจับจ้องความงี่เง่าของเธอเหมือนเหยี่ยวทะเลทรายเมืองเพตรา ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนที่เธอชอบมั่วเรียกชื่อดารานักร้องแบบมั่วๆ เช่น จู่ๆ ก็พูดชื่อ ‘แหม่ม แคทลียา มารศรี’ ขึ้นมา ซึ่งเป็นการมัดรวม แคทลียา แม็คอินทอช, แคทลียา อิงลิช, และแคทลียา มารศรี ไว้ด้วยกันอย่างงี่เง่าที่สุด เป็นการจำผิดที่น่าอับอาย แถมบทสนทนาที่คุยกันอยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ 3 คนนี้เลย… หรือการลำเลิกบุญคุณเนืองๆ เรื่องที่เธอโหมประโคมแต่งชุดราตรียาวประดับเครื่องเพชรสวารอฟสกี้มาทำงานเพื่อเตรียมไปกาล่าดินเนอร์ในช่วงค่ำวันศุกร์ แต่สุดท้ายไม่ได้ไป เพราะเพื่อนชายโทรมาบอกว่ามานัดบ้าอะไรเย็นวันศุกร์ รถติดขี้เกียจขับไปรับ ทำให้เธอต้องยอมอ้อนวอนร้องขอถั่วบดฮุมมุสจากชายชาวยิวมาประทังชีวิตในครัวที่อับชื้นของสำนักงาน ไหนจะชอบขุดเรื่องที่ใช้เงินทองหมดไปกับการลางานเที่ยวต่างประเทศอย่างไร้การไตร่ตรอง เมื่อกลับมาก็ต้องกินไข่ต้มเป็นมื้อกลางวันอยู่หลายเดือน และก็ถูกหมายหัวจากร้านอาหารทุกร้านที่เธอลักลอบนำไข่ต้มไปร่วมมื้อกลางวันกับเพื่อนร่วมงาน


ทุกครั้งที่วันวิสาข์พลาดพลั้งอย่างงี่เง่า ก็จะต้องเจ็บแค้นจากการถูกขยี้ไม่ปรานีโดยเพื่อนร่วมงานชาวยิวคนนี้ร่ำไป หมอนั่นกระทำราวกับว่าชาติที่แล้วเธอเกิดเป็น พญ. เฮอร์ทา โอเบอร์ฮอยเซอร์ แม่เสือสาวจอมซาดิสต์แห่งค่ายกักกันเอ๊าช์วิทซ์-เบียร์เคเนา ส่วนเขาก็เป็นไชล็อกที่จ้องจะเชือดเนื้อเถือหนังอันโตนิโย “ขอมังสังชั่งหนักหนึ่งปอนด์ถ้วน แล่เอาตามแต่ที่ควร อย่าหวงแหน…” แต่นี่ไม่ใช่เวนิสวาณิช และเธอก็หาใช่นางปอร์เซีย (Portia) ที่จะร้อง “อันว่าความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่” วันวิสาข์เคยพยายามหาทางกำจัดชายชาวยิวคนนี้หลายต่อหลายครั้งเหมือนที่เธอเคยทำสำเร็จมาแล้วเมื่อครั้งกำจัดเพื่อนร่วมงานชาวมองโกเลียคนหนึ่งซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน เมื่อเธอสืบทราบว่าเขาเป็นโรค ‘แพ้ขนมหวานเปียกๆ’อาการคือ ถ้ากำลังกินอะไรอยู่แล้วดันมีขนมหวานที่เปียก แฉะ ชุ่ม เหลว มาวางตรงหน้า ก็จะเกิดอาหารติดคอ ดิ้นทุรนทุราย คิ้วร่วง รูจมูกบาน และต้องหายใจทางเหงือกพะเงิบพะงาบเหมือนปลา วิธีปฐมพยาบาลทางเดียวคือต้องวิงวอนขอชีวิตกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น วันวิสาข์จึงเผยธาตุแท้ที่เป็นสาวสวยระดับภูมิภาคแบบร้ายๆ เธอสรรหา กล้วยไข่เชื่อม แกงบวดเผือก แชงม้า ข้าวเหนียวถั่วดำ สาเกเชื่อม ลูกเดือยน้ำกะทิ ปลากริมไข่เต่า ฯลฯ มานั่งกินต่อหน้าเขาทุกวันๆ นับได้แค่ 7 วัน ชาวมองโกเลียผู้นี้ก็หายสาบสูญไปจากสำนักงาน ทราบข่าวภายหลังว่าได้หลบหนีไปขายกาแฟเลี้ยงชีพอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ของมณฑลเหอเป่ย… แต่กับไซออนิสต์คนนี้ วันวิสาข์ทำอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะหมอนั่นไม่เคยแพ้อาหารชนิดใด และกินได้ทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งของที่สุนัขไม่ยอมกิน

“เรื่องงี่เง่าเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะฉันเป็นคนสวยที่ขาดการไตร่ตรอง…” วันวิสาข์ขบเขี้ยวเคี้ยวแก้วนมสดฮอกไกโดอย่างเคืองแค้นเมื่อนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์แบบยิวและทุกถ้อยคำเชือดเฉือนแบบยิวๆ… แต่วันนี้เกมจะต้องเปลี่ยน เมื่อเธอได้ค้นพบเฟซบุ้คแฟนเพจที่ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษทับศัพท์ภาษาบาลี แปลเป็นไทยว่า “ฟัง คิด ถาม แล้วก็จดลงไปซะเจ้าพวกงี่เง่า!” นี่คือสังคมออนไลน์ที่สุมทุมไปด้วยสาวๆ ผู้รักการไตร่ตรองและบันทึกไลฟ์สไตล์ของตนอย่างไตร่ตรอง แต่ละวันๆ จะมีฟีดแชร์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดของการไตร่ตรองและครีเอทีฟไอเดียเพื่อบันทึกไตร่ตรองนั้นๆ อย่างเก๋ไก๋ เธอประทับใจโพสต์หนึ่งที่ตั้งชื่อว่า “ฉันไตร่ตรองทุกวัน วันละ 5 นาทีก่อนนอน”เนื้อหาแสดงตัวอย่างการใช้เวลา 5 นาทีก่อนนอน จดบันทึกแบบอิสระถึงไลฟ์สไตล์ทุกสิ่งอย่าง มันช่างแตกต่างการโลกโซเชี่ยลมีเดียที่เธอมักจะใช้เวลาจมปลักอยู่ครึ่งค่อนวัน การโพสต์เรื่องตัวเองในโซเชี่ยลมีเดีย ไตร่ตรองแต่จะให้คนอื่นได้เห็น อวย และด่า แต่การจดบันทึกอิสระลงบนสมุดแพลนเนอร์แบบนี้ ไตร่ตรองเพื่อให้ตัวเองไตร่ตรองตัวเองอีกทีโดยไม่มีใครมาเผือก วันวิสาข์เชื่อว่าผลลัพธ์ของวิธีนี้จะทำให้เธอมีวันใหม่อย่างตื่นรู้และเบิกบาน…

แล้ววันวิสาข์ ก็เริ่มไตร่ตรองไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เธอเริ่มจดบันทึกอิสระหน้าแรกในชีวิต… อย่างไตร่ตรอง….



**หมายเหตุ: ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องสมมุติ วันวิสาข์ในเรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง ไม่ได้เป็นเออี ไม่ได้ย้อมผมสีม่วง ไม่ได้เขียนคิ้วโก่งๆ ไม่ได้มีบ้านอยู่ย่านลาดพร้าว…

Our Products

Related Posts

Messenger Line